ความรู้เบื้องต้นธุรกิจ SMEs
ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs เอสเอ็มอี คืออะไร
เอสเอ็มอี ย่อมาจากคำว่า Small and Medium Enterprise (SME) สำหรับคำที่ใช้กันอย่างเป็นทางการ คือ “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม”
สำหรับประเทศไทย ได้มีกฎหมาย ธุรกิจเอสเอ็มอี ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเรียกว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ. 2543 โดยตามกฎหมายฉบับนี้นั้น ได้ให้อำนาจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการกำหนดว่า ใครบ้างที่จะได้ ขึ้นชื่อว่าเข้าข่ายเป็นธุรกิจ
เอสเอ็มอี ซึ่งจะประกาศออกมาเป็นกฎกระทรวง จะใช้เกณฑ์ ในการวัดว่าธุรกิจไหนเป็น เอสเอ็มอี ดังนี้
กิจการที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการผลิตหรือบริการ มีมูลค่าทรัพย์สินถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท มีการจ้างงานไม่เกิน 200 คน
กิจการค้าส่ง ที่มีทรัพย์สินถาวรไม่เกิน 100 ล้านบาท มีการจ้างงานไม่เกิน 50 คน
กิจการค้าปลีก ที่มีมูลค่าทรัพย์สินถาวรไม่เกิน 60 ล้านบาท มีการจ้างงานไม่เกิน 30 คน
เอสเอ็มอี (SME หรือ SMEs) คืออะไร
SMEs ย่อมาจาก Small and Medium Enterprises ชื่อภาษาไทยคือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บางที่เรียกว่าธุรกิจกลาง-เล็ก) ครอบคลุมกิจการ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1) การผลิต (Product Sector) ครอบคลุมการผลิตในภาคเกษตรกรรม (Agricultural Processing) ภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing) และเหมืองแร่ (Mining)
2) การค้า (Trading Sector) ครอบคลุมการค้าส่ง (Wholesale) และการค้าปลีก (Retail)
3) การบริการ (Service Sector)
หลักการจำแนกกิจการของ SMEs
เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกกิจการของ SMEs ว่าจะเป็นวิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อม คือ
1) มูลค่าชั้นสูงของสินทรัพย์ถาวร
2) จำนวนการจ้างงาน
การจำแนกประเภทของ SMEs โดยใช้มูลค่าชั้นสูงของสินทรัพย์ถาวร สามารถจำแนกได้ ดังนี้
1) การผลิต: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 200 ล้านบาท วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 50 ล้านบาท
2) การบริการ: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 200 ล้านบาท วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 50 ล้านบาท
3) การค้า
3.1 ค้าส่ง: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 100 ล้านบาท วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 50 ล้านบาท
3.2 ค้าปลีก: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 60 ล้านบาท วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 30 ล้านบา
การจำแนกประเภทของ SMEs โดยใช้เกณฑ์จากจำนวนการจ้างงาน สามารถจำแนกได้ ดังนี้
1) การผลิต: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 200 คน วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 50 คน
2) การบริการ: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 200 คน วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 50 คน
3) การค้า
3.1 ค้าส่ง: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 50 คน วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 25 คน
3.2 ค้าปลีก: วิสาหกิจขนาดกลางไม่เกิน 30 คน วิสาหกิจขนาดเล็กไม่เกิน 15 คน
ที่มา: https://storylog.co/story/58056343f88c102204922bd5
ธุรกิจ sme ” ดีอย่างไร
ความที่ “ธุรกิจ sme” เป็นธุรกิจขนาดย่อม มีการลงทุนน้อย จึงกลายเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าสร้างงาน ซึ่งบางครั้งกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กล้าเสี่ยง จึงเป็นการสร้างงาน กระจายรายได้ เสริมเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศชาติอีกแขนงหนึ่ง อีกทั้งเป็นโอกาสเปิดสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และยังมีโอกาสจะพัฒนาเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในโอกาสต่อไปอีกด้วย
“ธุรกิจ sme” โดยคนรุ่นใหม่ นับเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ด้วยกัน ได้ดูเป็นแบบอย่าง และกล้าที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ เพราะแท้ที่จริงแล้ว โอกาสยังคงเปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่เหมือนธุรกิจใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดและมีกำลังสูงยากที่คนรุ่นใหม่จะเบียดเข้าไปได้
คุณสมบัติของนัก “ธุรกิจ sme”
1. เป็นนักแสวงหาโอกาส เราต้องเป็นคนแรกที่ลงมือทำ จึงจะเป็นหนึ่งได้
2. กล้าเสี่ยง เหมือนที่ใช้ศัพท์ว่า Enterprise ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่คิด กับการลงมือทำนั้นจะให้ผลต่างกันอย่างไร ถ้าไม่ลงมือทำ
3. มีความคิดสร้างสรรค์ ธุรกิจ sme ต้องไม่ทับไลน์ของธุรกิจใหญ่ที่ครองพื้นที่ส่วนการตลาดหมดแล้ว ความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นจึงทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ
4. ต้องอดทน ความสำเร็จไม่ได้มาชั่วข้ามคืนและอาจต้องผ่านความล้มเหลวมาก่อนที่จะคิดปรับปรุง แก้ไขจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
5. มีวิสัยทัศน์ รู้จักคาดการณ์ไปในอนาคต แล้วพัฒนาอย่างเป็นระบบ เพื่อก้าวไปให้ถึงจุดหมายที่ต้องการ
ที่มา: https://www.im2market.com/2016/03/26/3114